2020-01-15_Banner-blog3

กระทรวงสาธารณสุขประเทศอังกฤษเห็นชอบให้รับประทานวิตามินดีได้ทุกวัน

ประกาศ ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2559

การสาธารณสุขประเทศอังกฤษ (พีเอชอี) แนะนำอย่างเป็นทางการให้รับประทานวิตามินดีวันละ 10 ไมโครกรัม เพื่อผดุงรักษาสุขภาพที่ดีของกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ พีเอชอีได้แนะนำรัฐบาลอังกฤษเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 ให้จัดวิตามินดี เป็นส่วนหนึ่งของการบริการสาธารณสุขของประเทศโดยยึดหลักฐานของประโยชน์และสุขภาพเป็นหลัก

เมื่อได้รับแสงแดดผิวหนังจะสร้างวิตามินดี ร่างกายยังสามารถได้รับวิตามินดีจากอาหารบางชนิด (ปลาที่มีมันมาก เนื้อแดง ตับ ไข่แดง) หรืออาหารที่เสริมวิตามินดี วิตามินดีช่วยควบคุมปริมาณแคลเซียมและฟอสฟอรัสของร่างกาย ซึ่งธาตุทั้งสองชนิดนี้จำเป็นสำหรับสุขภาพที่ดีของกระดูก ฟัน และ กล้ามเนื้อ เจ้าหน้าที่ของพีเอชอีกล่าวว่า ในขณะที่ประชากรอังกฤษส่วนใหญ่สามารถได้วิตามินดีจากการออกไปอยู่กลางแจ้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน การขาดแสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวทำให้ต้องพึ่งพาอาศัยอาหารเสริมวิตามินดี ในระหว่างฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว แต่ละคนจำเป็นต้องอาศัยวิตามินดีที่ได้จากอาหารเนื่องจากเป็นการยากที่ประชาชนจะได้วิตามินดีในปริมาณที่แนะนำคือ 10 ไมโครกรัมต่อวัน โดยการรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีตามธรรมชาติหรือเสริมเข้าไป ประชาชนจึงควรพิจารณารับประทานอาหารเสริมที่มีวิตามินดี 10 ไมโครกรัม ทุกวันในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว”

เจ้าหน้าที่ของพีเอชอีกล่าวว่าประชาชนที่ผิวหนังได้รับแสงแดดน้อยหรือไม่ได้รับเลยมีความเสี่ยงต่อการขาดวิตามินดีและจำเป็นต้องได้วิตามินดีจากอาหารเสริมตลอดทั้งปี “ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ที่มีผิวดำซึ่งรกรากเดิมเป็นชาวอัฟริกัน แอฟโฟร – คาริบเบียน และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อาจได้วิตามินดีจากแสงแดดไม่เพียงพอในฤดูร้อนดังนั้นควรพิจารณารับประทานอาหารเสริมที่มีวิตามินดีตลอดปี” เจ้าหน้าที่ของพีเอชอียังแนะนำว่าเด็กอายุระหว่าง 1-4 ปีควรได้อาหารเสริมวิตามินดีวันละ 10 ไมโครกรัม และแนะนำให้เด็กแรกเกิดดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียวจนอายุราว 6 เดือน และเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ควรได้วิตามินดีวันละ 8-10 ไมโครกรัมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็กจะได้วิตามินดีในปริมาณที่เพียงพอ