ไม่ว่าฤดูไหน…ลิสต์ไอเทมบิวตี้ที่ต้องมีบนโต๊ะเครื่องแป้งคือ “เจลว่านหางจระเข้” สกินแคร์ตัวสำคัญที่โดดเด่นและเอาอยู่กับทุกสถานการณ์ อาทิ ช่วงซัมเมอร์แดดแรงก็ใช้เจลว่านหางจระเข้ปลอบประโลมผิวหลังออกแดด หรือช่วงหน้าหนาวก็เพิ่มสเต็ปการบำรุงผิวด้วยเจลว่านหางจระเข้เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ซึ่งก็ควรค่าแก่การมีไว้อยู่แล้ว แต่จะเพิ่มเลเวลของมันต้องมีเข้าไปอีกกับประเด็น นั่นก็คือ “เจลว่านหางจระเข้ ทาหน้า ช่วยอะไร?” ที่จะมากระตุกต่อมความรักสวยรักงามขึ้นเมื่ออ่านจบ

“สมุนไพรรักษาโรค” สิ่งที่หลาย ๆ คนเข้าใจว่ามาจากพืชหรือธรรมชาติ ทำให้รู้สึกถึงความปลอดภัย แต่บางครั้งการนำสมุนไพรมาใช้อย่างไม่ถูกต้องหรือไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้เช่นกัน ซึ่งการเลือกใช้สมุนไพรให้ถูกต้องนั้น จำเป็นต้องอาศัยความรู้เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดี

“เลซิติน“ (Lecithin) สารธรรมชาติที่ช่วยดักจับไขมัน และคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งจัดเป็นสารสำคัญที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายระบบ และยังดีต่อ “สมองและระบบประสาท”

ถ้าคุณเป็นคนรักสุขภาพ ที่ชอบรับประทานผลไม้เป็นประจำ แต่ไม่อยากได้น้ำตาลมากเกินไป ผลไม้น้ำตาลน้อย จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าจะถูกใจสายเฮลตี้หลาย ๆ คน เพราะสามารถรับประทานได้แบบไม่ต้องกลัวอ้วนหากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากจะช่วยเติมความสดชื่นให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรงจากสารอาหารสำคัญต่าง ๆ ในผลไม้ได้อีกด้วย

เพราะการเดินทางของจุลินทรีย์โพรโอติกต้องผ่านอุปสรรคมากมายกว่าจะไปถึงลำไส้ ดังนั้นเพื่อลดโอกาสที่โพรโอติกจะถูกทำลายจากปัจจัยภายนอกอย่างอุณหภูมิในการเก็บรักษา ไปจนถึงกรดในกระเพาะอาหาร จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่แคปซูลจะต้องมีการป้องกันที่แน่นหนา เพื่อให้จุลินทรีย์โพรไบโอติกนั้นมีชีวิตอยู่รอดจนถึงชั้นลำไส้

“โพรไบโอติก” (Probiotic) คือ สิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “จุลินทรีย์ดี” และมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพลำไส้หรือสุขภาพทางเดินอาหารของเรา และรวมไปถึงในเรื่องของการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย